กิจกรรมแด่คุณครูด้วยดวงใจ

บทบรรยายรายการขอขมาบูชาครู

ปรียบคุณครูเหมือนแม่คนที่สอง  ที่เราต้องกราบไหว้ให้เหนือเศียร
ใจของครูสุกปลั่งดั่งแสงเทียน  ส่องนักเรียนให้สว่างทางวิญญาณ
สมควรยิ่งที่พวกเราเผ้าก้มกราบ  พระคุณท่านซึ้งทราบมหาศาล
เราจะรักคุณครูคู่จักรวาล  แม้ลมปราณสิ้นไปไม่ลืมเลย

ช่วงเวลาดังต่อไปนี้เป็นรายการที่ศักดิ์สิทธิ์อีกรายการหนึ่ง ซึ่งคณะพระวิทยากรได้เห็นความสำคัญและคิดว่าจะทำให้พวกเราได้เคารพรักผู้มีพระคุณอีกคนหนึ่ง  ผู้มีความรักความปรารถนาดีต่อเราผู้เป็นศิษย์    พระอาจารย์จะเชิญคุณครูของพวกเธอ   เข้ามาสู่ท่ามกลางระหว่างศิษย์   เพื่อที่เธอจะได้รับไอของความเมตตา  และอบอุ่นที่แผ่ซ่านอยู่ในหัวใจของครู    ขอให้ทุกคนหันหน้ามาตรงกลาง   เพื่อเตรียมพร้อม  ในการเข้ามาของคุณครูที่มีพระคุณของพวกเรา   ขอเชิญคุณครูเดินเข้ามานั่งข้างหน้าตรงกลาง  เพื่อที่ศิษย์จะได้รับไออุ่นของความรัก  ความเมตตา   ความปรารถนาดี   ที่คุณครูมีต่อเขาเหล่านี้   ทุกคนเมื่อคุณครูเข้ามานั่งเรียบร้อยแล้ว   ขอให้มองหน้าคุณครูทุกท่านแล้วหลับตานั่งนิ่ง ๆ นึกดูภาพครูเหล่านี้

เวลาเช้าหอบเอกสารพรุงพรัง ครูบางท่านแก่ ๆ แต่ท่านก็หอบสังขารเพื่อมาสอน  ครูเหล่านี้มิใช่พ่อ มิใช่แม่ แต่ทำไมครูเหล่านี้ถึงมาทำหน้าที่พ่อหน้าที่แม่ ในคณะที่คนอื่นเขามีความสุขอยู่กับครอบครัวมีความสุขกับลูกของตัวเอง ถามว่าครูเหล่านี้เป็นใคร ครูเหล่านี้คือใคร

 ครูคือใคร ใครคือครูในวันนี้      ใช่อยู่ที่ปริญญามหาศาล

                   ใช่อยู่ที่เรียกว่าครูหรืออาจารย์               ใช่อยู่นานสอนนานในโรงเรียน

                   ครูคือผู้ชี้นำทางความคิด                    ให้รู้ถูกรู้ผิดคิดอ่านเขียน

                   ให้รู้ทุกข์รู้ยากรู้พากเพียร                    ให้รู้เปลี่ยนแปลงสู้รู้สร้างงาน

                ครูคือผู้ยกระดับวิญญาณมนุษย์          ให้สูงสุดกว่าสัตว์เดรัจฉาน
                ครูคือผู้สั่งสมอุดมการณ์                 มีดวงมาลย์เพื่อมวลชนใช่ตนเอง
                ครูจึงเป็นนักสร้างผู้ใหญ่ยิ่ง              สร้างคนจริงสร้างคนกล้าสร้างคนเก่ง
                สร้างให้คนเป็นตัวของตัวเอง             ขอมองเพลงนี้มาบูชาครู
                ( เปิดเพลง ครูในดวงใจ : ไมค์ ภิรมพร )
        ดวงใจครูรักศิษย์ทุกคน รักโรงเรียนเหมือนบ้าน  รักงานสอนเหมือนชีวิต รักลูกศิษย์เหมือนลูกจริง
ครูต้องทำหน้าที่ทั้งสองอย่างคือ แม่ และ ครู ถามว่าครูเหนื่อยไหม ท้อไหม  เหนื่อย ท้อ แต่ครูรักหน้าที่และรักความเป็นครูสมปณิธานที่ว่า
                                มีมือจะใช้มือประครองถือแท่งเทียนธรรม
                                ส่องทางสว่างนำสู่ความหวังสังคมไทย
                                มีเสียงจะเปล่งเสียงอย่างแท้เที่ยงและเกียงไกร
                                มีใจจะเทใจผดุงนามแห่งความดี.
        อยู่ที่บ้านครูทำหน้าที่แม่ ในครอบครัว มาโรงเรียนครูทำหน้าที่ครู ภาระครูนั้นหนักหนาแสนสาหัสถามว่าครูทำเพื่ออะไร หากจะตอบว่าเพื่อเงินเดือน ก็แสนจะน้อย เพื่อศักดิ์ศรีก็เหลือจะอ้าง แต่ทว่าครูทำเพื่อสังคมและมวลชนอย่างแท้จริง

ภาระครูเกินถ้อยจะร้อยขาน       ครูบันดาลศิษย์ให้ไกลมัวหมอง

สร้างเด็กไทยดีงามตามครรลอง             สร้างสมอง   สร้างพลัง   คลังปัญญา

ครูรู้คิดรู้ทำนำไปใช้                      ครูสอนให้สร้างสรรค์  แก้ปัญหา
จากดวงใจสูเจตน์แห่งเมตตา             ชาติก้าวหน้ามาบัดนี้เพราะมีครู
อย่าเห็นครูเป็นแค่เรือจ้าง พาเราข้ามถึงฝั่งแล้วถีบหัวส่ง ครูเหล่านี้มีจิตใจ ครูเหล่านี้มีความรัก ความเมตตาต่อเรา ช่วงระหว่างทำหน้าทีกลาสี ครูพยายามสอนในเรื่องการไหว้น้ำ การเอาตัวรอดครูสอนในเรื่องวิชาชีพ พระอาจารย์สอนในเรื่องวิชาชอบ มองหันหลังบ้างหากเราข้ามถึงฝั่งแล้วการกราบลาครั้งนี้อาจจะเป็นครั้งสุดท้ายของใครบางคน ณ ที่แห่งนี้ แต่อย่าลืมว่า
เปิดเพลงครู ไปเรื่อย เมื่อขึ้นทำนองเร็วให้ปิด)
ครูมิใช่ช่างปั้นอันวิจิตร           แต่ต้องคิดวาดวางกางแผนผัง
ครูมิใช่นายทุนหนุนกำลัง                 ต้องเก็งทั้งขาดทุนตุนกำไร
ครูมิใช่พ่อค้านายพาณิชย์                ดีดลูกคิดคาดการณ์ด้านไหนไหน
แต่ยังเป็นผู้ค้าอย่างเต็มใจ                ยอมขาดทุนตลอดไปชั่วนิรันดร์

ครูมิใช่นักปกครองช่ำชองศึก                แต่ก็คึกคะนองปกป้องขั้น

ครูมิใช่นักวิชาการเชี่ยวชาญครัน          แต่โชกโชนด้วยผูกพันวิชาการ
ครูมิใช่นักแสดงโลกแสงสี                แต่สวมบททุกที่ด้วยอาจหาญ
ครูมิใช่ผู้กำกับผู้บงการ                  แต่เฉียบขาดในแผนงานการบัญชา
ครูมิใช่นักพากย์ฝีปากจัด        แต่สัมผัสการพากย์ยากจะหา
ครูมิใช่ผู้ทรงศีลธรรมจรรยา              แต่เมตตาแผ่เผื่อเกื้อการุณย์
นี่แหละครูเป็นได้หลายสถาน             ทุกเหตุการณ์ช่วยฉุดช่วยอุดหนุน
ช่วยเผื่อแผ่แก้ไขช่วยค้ำจุน               ผู้มีคุณเปี่ยมแปรอย่างแท้จริง

พุทธบุตรทั้งหลาย   คุณครูของพวกเธอ  ได้ให้คำแนะนำสั่งสอน  ทั้งวิชาการและความดีให้พวกเธอตลอดมา   บางครั้งพวกเธออาจจะมีความรู้สึกว่าคุณครูนั้นใจร้าย   ทำลายจิตใจของลูกศิษย์   ครูชอบดุชอบด่าและขาดเมตตา   ในความรู้สึกของพวกเธอ   เธอลองมองดูให้ลึกซึ่ง   มองไปที่ใบหน้าของท่านในขณะนี้   เธอมองเห็นหรือไม่ว่าแต่ละท่านนั้น   มีความรู้สึกต่อเธอผู้เป็นศิษย์อย่างไร
                       
บางครั้งรู้สึกเหนื่อยและเมื่อยล้า
                        บางครั้งอยากบอกว่าหมดกำลังใจ
                        บางครั้งท้อแท้กับศิษย์ไม่เอาไหน
                        บางครั้งอยากร้องให้กับศิษย์ที่ซุกซน
                        บางครั้งครูคิดว่าจะไม่บ่น
                        คิดว่าจะไม่สน ไม่อยากอดทน แต่สบสนกับตัวเอง
                        แต่เกรงว่าวันหน้าศิษย์ไม่รู้
                        ทั้งผู้คนอาจลบหลู่แลข่มแหง
                        จึงพยายามพร่ำสอนด้วยตนเอง
                        เพื่อรีบเร่งให้ศิษย์เป็นคนดี
                        ในวันนี้คิดใหม่เพื่อไทยและเพื่อชาติ
                        หากมัวขลาดให้ใครได้ข่มแห่ง
                        สถาบันแห่งนี้คงไม่มีใครเกรง
                        เราจะร้องเพลงชาติให้ใครฟัง( เปิดเพลงคุณครูกระดาษทราย )
บางครั้งครูทนไม่ได้กับนักเรียนหญิงที่แต่งหน้าทาปากมาโรงเรียนเหมือนกับการจะไปเที่ยวตามห้างสรรพสินค้า ดุด่านักเรียนชายที่ชอบแต่งตัวเหมือนนักเลงมาโรงเรียน นักเรียนหลายคนคิดว่าครูอิจฉา คิดว่าครูแกล้ง ก็ด่าว่าครูต่าง ๆ นานาตั้งฉายาให้ครูแบบเสีย ๆ หาย ๆ ซ้ำร้ายตั้งฉายาครูหน้าผี ครูขี้อิจฉา ครูบ้าอำนาจ บางคนถึงกับทำประชดในเรื่องที่คุณครูด่า
สิ่งที่เธอเคยเข้าใจและเคยคิดว่า   ครูคือผู้ที่ใช้อำนาจรังแกจิตใจของพวกเธอ   ทำโทษบ้าง  ตอนนี้พวกเธอลองมองดูคุณครูของพวกเธอซิ    และถามตัวเองว่า   การที่ครูต้องมีกิริยาอาการเช่นนั้น   มันเป็นความต้องการของคุณครู   ที่จะระบายอารมณ์กับลูกศิษย์   หรือว่าเป็นเพราะเราผู้เป็นศิษย์นั้น    ทำให้ครูต้องมีอาการเช่นนั้น   มีสักครั้งหนึ่งหรือเปล่า   เมื่อเราไม่ได้ทำความผิดแล้วคุณครูมาชี้โทษ   คงไม่มีสักครั้งเดียวที่ครูจะทำเช่นนั้น    แต่ทุกครั้งที่ครูทำโทษ   หรือดุด่าว่า   เพราะพวกเราทั้งหลายได้กระทำผิด   และครูยอมไม่ได้ที่จะเห็นศิษย์ของตัวเองนั้น   ทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง   เพราะคุณครูรู้ดีว่าการกระทำเช่นนั้น   จะทำให้ชีวิตของศิษย์ครูเป็นคนดีไม่ได้   ครูจะต้องกระทำแม้รู้ว่า   การกระทำนั้นจะทำให้ศิษย์ของครูโกรธเกลียด    หรือบางครั้งนำครูไปนินทาลับหลัง   ด่าครูด้วยวาจาที่หยาบคาย   ครูทนได้ถ้าศิษย์ของครูเป็นคนดีเพราะการกระทำของครู   แต่ขอให้พวกเธอพึงรู้เถิดว่า    ครูก็เป็นปุถุชน    ครูก็ยังมีเลือดมีเนื้อ     รู้สึกเสียใจรู้สึกดีใจ   ตามวิสัยของผู้ที่ยังเป็นปุถุชนอยู่    บางครั้งครูรู้ว่าลูกศิษย์ของครูนั้นโกรธ เกลียด   แอบนินทาครูลับหลัง    แต่ครูก็ต้องทน   เพราะครูเป็นผู้ได้เสียสละ    ได้มาทำหน้าที่เช่นนี้แล้ว   ถ้าเธอจะถามว่า   แล้วครูไม่มีทางอื่นที่จะหากินหรือจึงต้องมาเป็นครู   พระอาจารย์ขอตอบแทนครูของพวกเธอได้ว่า
 ครูของเธอทุกคนปรารถนาอาชีพอย่างอื่น   ที่มีเงินเดือนมากกว่าความเป็นครูได้    แต่ทำไมครูไม่ทำ   เพราะในจิตวิญญาณของครูนั้น   รักเด็กอยากจะช่วยกันสร้างเยาวชน    ให้เป็นคนที่มีคุณภาพอยู่ในสังคม   ครูจึงต้องยอมเจ็บปวด   ต่อการถูกนินทาว่ากล่าวจากลูกศิษย์   ที่ครูรักและหวังดี

เจ็บปวดที่เจ้าทำ           ครูไม่จำกลับแก้ไข

ดื้อสุดกันตามวัย                  ครูอภัยเสมอมา

เพราะเจ้าคือลูกศิษย์             ครูไม่คิดจะหนีหน้า

เจ้าซังครูนานา                       อยากพ้นหน้าให้เร็ววัน

 
แต่บางครั้งเธอรู้ไหมว่าครูท้อ   ครูเหนื่อยและหมดกำลังใจ   บางครั้งอยากจะไปทำอาชีพอย่างอื่น   ที่ไม่ต้องยุ่งเกี่ยวกับเด็ก   ที่พูดไม่ค่อยรู้เรื่อง   แต่มาสำนึกว่าตัวเองเป็นครู   มีหน้าที่ในการแนะนำอบรม  และก็พร่ำสอนศิษย์ให้เป็นคนดี  ครูนึกละอายใจ    ที่ครูคิดที่จะเปลี่ยนอาชีพจากความเป็นครู   พุทธบุตรทั้งหลาย   ในความคิดของครูนั้นรักศิษย์ทุกคน   แต่ศิษย์จะรู้หรือเปล่าว่า    ครูนั้นรักและเป็นห่วงศิษย์   ครูคิดเมื่อเห็นศิษย์ทุกครั้งว่า
                ศิษย์รักคือความหวัง             ดุจพลังอันโดดเด่น
                พร่ำสอนทุกเช้าเย็น              ถึงเค็ญก็สู้ทน
                เพียงศิษย์เกิดปัญญา            เพื่อวันหนั้าไม่หมองหม่น
                เหนื่อยนักหรือขัดสน             ครูเฝ้าทนไม่ท้อถอย
                อยากเห็นเจ้าได้ดี                มีศักดิ์ศรีมิต่ำต้อย
                ชีวิตครูไม่เลิศลอย               หวังศิษย์น้อยก้าวหน้าไป
แต่เมื่อไร มองเห็นศิษย์เรียงรายไร้เดียงสา   อนิจจาเจ้าจะนึกรู้สึกไหม
เว้นพ่อแม่ผูกพันธ์รักดั่งดวงใจ           จะมีใครรักเจ้าเท่าเทียมครู
ถึงจะเหนื่อยแสนเหนื่อยเหลือจะอ้าง       ใช่เหินห่างธรรมะหรอกนะหนู
เห็นศิษย์น้อยตาดำดำอยากค้ำชู           ถ่ายความรู้มอบให้ศิษย์ไม่ปิดปัง
( เปิดเพลงตามรอยไม้เรียว : ไมค์ ภิรมพร )
ครูทนไม่ได้หากแต่จะมาสาย    เมื่อนึกเห็นศิษย์ของครูมารออยู่พร้อมหน้าในห้อง   ครูต้องขวนขวายแม้แต่บางครั้งกายจะไม่อำนวย    เมื่อศิษย์ของครูไม่สบาย   ลาป่วยได้   แต่เมื่อครูไม่สบาย   บางครั้งครูลาป่วยไม่ได้   เพราะอะไร   เพราะถ้าครูหยุดไปเพียงคนเดียว   ทำให้ศิษย์ของครูอีก   ๓๐ - ๔๐  คน   อยู่ในห้องไม่ได้ความรู้  ถ้าครูยังสามารถที่จะลุกขึ้นมา  และเดินไปโรงเรียนได้แล้ว    ครูจะไม่ยอมนอนอยู่กับที่   เธอเคยสังเกตไหมว่า   เมื่อใดที่เราหกล้มหรือไม่สบาย    เราจะได้รับการเอาใจใส่ดูแลจากคุณครูของเราเสมอ   พระอาจารย์เคยเห็นครูบางท่าน ที่เอายาแดงไปทาที่เท้าของลูกศิษย์ด้วยความที่เธอซน   เมื่อลูกศิษย์ร้องเพราะความแสบ  ครูรีบเอาปากไปเป่าที่เท้าของศิษย์   โดยที่ไม่ได้คิดรังเกียจ     ก็เพราะไม่อยากให้ศิษย์ต้องทรมาน  แต่จะมีศิษย์สักกี่คน   ที่จะคิดและเข้าไปประคอง  เข้าไปช่วย   เมื่อครูเกิดอาการเจ็บป่วย  หรือเข้าไปถามครูว่า   คุณครูครับ ค่ะ   คุณครูจะให้หนูช่วย ให้ผมช่วยอะไรบ้าง   มีลูกศิษย์อย่างนี้สักกี่คน  ที่นึกถึงคุณครู   ที่จริงแล้วพระอาจารย์ไม่อยากจะขออะไรมาก     ที่จะแสดงความรักให้คุณครูของเราเพียงแค่ศิษย์ตั้งใจเรียน   ไม่พูด ไม่คุย ไม่เล่นกัน ในขณะที่ครูสอน   เท่านี้ครูก็สุขใจ   และยิ่งถ้าเกิดว่านักเรียนจะให้ความสนใจ     ถามครูในวิชาที่ครูสอนนั้น     จะทำให้ครูปลื้มใจและยินดีมากที่ศิษย์มีความสนใจไต่ถาม   เมื่อไม่เห็นใจในวิชาที่ครูสอน 
ครูไม่ได้หวังจากลูกศิษย์มากมาย   ขอเพียงศิษย์ตั้งใจเรียน   และถ้าจะให้ครูชื่นใจ  ให้ความเคารพคุณครูสักนิด   ก็จะยืดชีวิตของครูให้ยืดยาวและมีกำลังใจ
พุทธบุตรทั้งหลาย   ขอให้เธอจงรู้เถิดว่า
        ดวงจิตของครูผู้สอนสั่ง          ย่อมมุ่งหวังให้ศิษย์สมฤทธิ์ผล
ขจัดมืดโมหะในกมล                     เพื่อได้พลแสงสว่างเห็นทางไกล
มีเมตตากรุณาอุตสาห์                    ไม่เสเพลชี้แจงแถลงไข
เห็นศิษย์เขลาเศร้าทรวงด้วยห่วงใย       เห็นศิษย์ไววิทยา  ปรีดาเอย
ครูหวังให้ศิษย์ทุกคนเป็นผู้มีวิชาความรู้  ไม่ใช่เป็นผู้โง่เขลา   ไม่เท่าทันเขาในการอยู่ในสังคม  จึงพยายามถ่ายทอดวิชาการ   ให้เรามีความรู้มีความสามารถ     ให้เราไปต่อสู้กับสังคมภายนอกได้   และครูยังให้ความดีที่เป็นเกราะป้องกันตัว   ไม่ให้ตกไปสู่ความชั่วความมัวหมองของชีวิต   นั้นเป็นเพราะอะไร   ก็เพราะครูทั้งรักและห่วงใย   ถึงเธอจะไม่ใช่ลูก   แต่ก็เป็นศิษย์ที่ครูมีสิทธิ์ที่จะให้ชีวิตแก่พวกเธอได้   ฉะนั้นศิษย์เอย
จงเข็มงวดต่อระเบียบวินัย  ครูรู้นะว่า   ศิษย์ไม่ชอบครูที่ดุด่า   แต่ครูก็หวังว่า  สักวันหนึ่งเธอคงจะเข้าใจต่อการกระทำของครู   และคงจะสำนึกได้   ครูมีความมั่นใจว่า
        สักวันหนึ่งเธอคงรู้ว่าครูรัก       สักวันหนึ่งคงประจักษ์เป็นสักขี
สักวันหนึ่งคงจะรู้ว่าครูดี         สักวันหนึ่งคงได้ดีเพราะเชื่อครู
และในบรรดาพวกเราที่นั่งอยู่ตรงนี้  ก็มีศิษย์ที่กตัญญูและเข้าใจ     ต่อความรักความเข้าใจของครูที่มีต่อศิษย์    เธอคือ………….
        พุทธบุตรทั้งหลาย   ขอให้พวกเธอรู้เถิดว่า   ใจของครูนั้นรักศิษย์เท่าเทียมกัน  ไม่ว่าศิษย์ของครูจะดีหรือว่าชั่วก็ตาม   แต่ครูก็หวังดีต่อศิษย์เสมอ     พวกเราทั้งหลาย     ที่ได้ผิดพลั่งต่อครูบาอาจารย์   ไม่ว่าจะด้วยกาย   วาจา  ใจ   ย่อมเป็นโทษต่อตัวของเรา   เพราะผู้ที่ล่วงเกินต่อครูบาอาจารย์ที่มีพระคุณนั้น   เป็นผู้ที่มีบาป   จะขาดความเจริญก้าวหน้า   ดังนั้นขณะนี้จึงเป็นโอกาสอันดีของพวกเราทั้งหลาย   ที่เราได้นั่งอยู่ตรงหน้าของครู    ผู้มีพระคุณของพวกเรา   พระอาจารย์จะได้ถือโอกาสนี้   ขอให้คุณครูของพวกเธอ   ได้ให้เธอทุกคนเข้าไปกราบขอขมา  เพื่อลบล้าง   ความผิดที่เธอได้กระทำไว้   จะด้วยเจตนาหรือไม่เจตนาก็ตาม   จะต่อหน้าหรือลับหลังก็ตาม   เพื่อปลดเปลื้องบาป   หรือความไม่ดีในชีวิตของเธอทั้งหลายให้หมดไป   แล้วเราจะได้เป็นผู้ที่มีความบริสุทธิ์     พร้อมที่จะอยู่เป็นศิษย์เป็นอาจารย์    ด้วยความเข้าใจซึ่งกันและกัน ต่อไปลืมตา และว่าตามหัวหน้า ( ให้ตัวแทนนักเรียนพากล่าว คำขอขมาครู แล้วมอบพานดอกไม้ให้คุณครู )
ขอให้ลูก ทุกคน    กราบครูของพวกเรา  3 ครั้ง พร้อม กัน สิ่งที่เราล่วงเกินครูอาจารย์ของเรา   แล้วชีวิตของเราจะได้มีความเจริญก้าวหน้า
        ..   กล่าวขอบคุณ   แล้วกราบ     ครั้ง    ที่     กราบหมอบลง