รายการพระคุณแม่


บทบรรยายพระคุณแม่
แม่ ๆ แม่ คำนี้มีความหมาย          แม่เป็นได้หลายสิ่งหลายสถาน
แม่เป็นได้หลายสิ่งหลายประการ      เป็นธนาคารเป็นเป็นพระพรหมเป็นร่มไทร
เป็นผู้ให้กำเนิดเกิดลูกรัก             เป็นผู้ให้ที่พักพิงอาศัย
เป็นผู้ให้ไออุ่นทั้งกายใจ               เป็นผู้ให้อะไรอะไรไม่รามือ
ยามลูกป่วยแม่ให้การรักษา           ลูกโตมาแม่ให้เรียนหนังสือ
ลูกต้องการตำราแม่หาซื้อ             ลูกปรึกษาหารือแม่ยินดี
นักศึกษาที่รักทั้งหลาย ในคณะที่เรากำลังเซงกับการบรรยายของพระอาจารย์อยู่นี้หรือเซงกับการกระทำความดีอยู่ขณะนี้เคยคิดใหมว่ายังมีอีกคนที่ทำงานหาเงินอย่างเหน็ดเหนื่อยอย่างไม่เคยเบื่อ เพื่อหาเงินมาเลี้ยงลูก ในขณะที่เรา ๆ กำลังใช้จ่ายเงินที่ท่านหามาด้วยความยากลำยากอย่างฟุ้งเฟือยนี้ ( เปิดดนตรีเที่ยงวัน )
ลองนึกทบทวนตอนที่เราเป็นเด็กซิครับ ใครครับที่อุ้มพวกเราแนบอกกอดพวกเราอยู่ที่อกอันอบอุ่นจำได้ไหมครับ คำพูดที่พ่อแม่อุตสาห์สั่งสอนบอกกล่าวฝึกให้เราได้พูด จำมือนุ่มๆ ของพ่อแม่ที่จับมือของเราประคับประคอง ฝึกให้เราได้ก้าวเดินได้หรือเปล่า จำได้ไหมเพลงกล่อมลูกวันนั้น ที่กล่อมให้เราหลับได้นอนอย่างมีความสุข จำสายตาแห่งความเอื้ออาทร ที่ท่านส่งความรักและความปรารถนาดี สู่ดวงตาของเราผ่านลึกไปสู่หัวใจได้ไหม นิทานหลายต่อหลายเรื่องที่ท่านเล่าตอนก่อนจะหลับ คำพูดสุดท้ายก่อนที่เราจะจากพ่อแม่มานั่งอยู่ที่นี่ คำพูดนั้นอบอุ่นหรือเปล่าท่านพูดว่าอะไร แสดงถึงความรักและห่วงใยหรือเปล่า
ครั้งสุดท้ายที่เราเจอพ่อแม่ท่านอยู่ในชุดอะไร ดวงตาของท่านมีความสุขหรือความทุกข์ ลองมองท่านให้เห็นภาพนั้นซิครับ ภาพของพ่อแม่ที่คอยดูแลคอยเลี้ยงดูพวกเราจนกระทั่งถึงบัดนี้ แต่หลายคนไม่นึก ไม่คิด ยังอยากเพลิดเพลิน สนุกสนานอยู่ หลายคนกลับทำตัวเลว ไม่เคยนึกถึงพระคุณของท่านเลย แม้แต่นิดหนึ่ง
เคยมองย้อนหลังไปที่บ้านตัวเองบ้างหรือไม่บุคคลหนึ่งต้องทุกข์ทรมานเพื่อให้ลูกสุข ลำบากเพื่อให้ลูกสบาย ยอมอดเพื่อให้ลูกอิ่ม กำลังนอนเอามือก่ายหน้าผากรำพึงอยู่ในใจว่า พรุ่งนี้จะกินอะไร พรุ่งนี้เราจะเอาเงินที่ไหนให้ลูกไปโรงเรียน พ่อแม่บางคนเป็นชาวนา บางคนเป็นพ่อค้านายพาณิชย์ แต่ทุกคนก็คิดเพื่ออนาคตลูกเสมอ พ่อแม่บางคนทำงานหนัก
                        สองมือจับไถใจแน่วแน่
                ตั้งใจแท้เพื่อลูกรักจักสดใส
                ส่งลูกเรียนเขียนอ่านคิดการณ์ไกล
                เพียงเพื่อให้สมหวังดังใจจินต์
                แม้แดดร้อนฝนโปรยแม่โหยแห้ง
                ถึงสิ้นแรงเหนื่อยกายไม่ถวิล
                เหงื่อไหลย้อยรินหยดรดแผ่นดิน
                แม่ยอมสิ้นสละแม้จะตาย ฯ
นักเรียนทั้งหลาย  จากวันนั้นนถึงวันนี้  เธอได้ใช้จ่ายเงินของคุณแม่ไปกี่บาทแล้ว  จากวันนั้นจนถึงวันนั้ เธอทานข้าวของคุณแม่หมดไปกี่กระสอบแล้ว ได้ใช้เสื้อผ้าขาดไปกี่ชุดแล้ว ลุก  เคยถามตนเองในลักษะนี้บ้างไหม  ทุกวันนี้เธอทำอะไรให้ท่านชื่นใจบ้าง ในฐานะที่ท่านได้เลี้ยงเรามานโตเธอเคยทำอะไรให้ท่านเบาใจบ้างแล้ว  ถ้ายังไม่เคยก็ขอให้ลูก ๆ ทุกคนจงทำเสียจงตอบแทนคุณ ของท่านเสีย ก่อนที่จะไม่มีทานให้เรารักและให้เราตอบแทน นักปราชญ์บัณฑิตได้ เบียนบทกลอนไว้บทหนึ่งน่าฟังยิ่งนักว่า
                        รักใดเล่าจะแน่เท่าแม่รัก
                ผูกสมัครรักม่นไม่หวั่นไหว
                ห่วงใดเล่าเท่าห่วงดังดวงใจ
                ที่แม่ให้แก่ลูกอยู่ทุกครา
                        ยามล้มกลิ้งใครหนอวิ่งเข้ามาช่วย
                แล้วปลอดด้วยคำหวานกล่อมขวัญให้
                พร้อมจูบที่เจ็บชมัดปัดเป่าไป
                ผู้นั้นไซร้ที่แท้..แม่ฉันเอง
        ลูก ๆ ที่รักทั้งหลาย คำว่าแม่แม่นี้ ฟังแล้วรู้สึกอบอุ่นใจยิ่งนัก ฟังแล้วรู้สึกปลอดภัยยิ่งนัก ไพเราะจับใจยิ่งนัก  ยากที่จะหาสิ่งใดมาเปรียบได้   ทุกเช้าเราจะได้ยินคำว่า หิวไหมลูก  อร่อยไหมลูก เอาอีกไหมลูก   จากปากของแม่ ก่อนที่เราจะออกจากบ้าน ครั้นพอเดินหันหลังให้ท่านก็ยังมาสั่งว่า แล้วกลับให้ตรงเวลานะลูก นี่แสดงว่าแม่รักเรา เป็นห่วงเราไม่อยากให้เราอยู่ห่างจากสายตาท่าน ความรักของแม่นั้น บริสุทธิ์ยิ่งนัก เป็นความรักที่เกิดจากความจริงใจ
พ่อแม่บางคนมีการศึกษาจบแค่ ป.4 แต่สามารถส่งลูกเรียนจบ ม.3 .6 บางคนจบถึงตรี โท เอก พ่อแม่ภูมิใจมาก แต่จะเสียใจมากกว่า เมื่อลูกสุดที่รักเอาความรู้มาข่มเหงแม่ แม่พูดผิดก็คิดว่าแม่หัวโบราณ เห็นแม่เป็นแค่อีแก่ที่ตกยุค ไม่ทันสมัย แต่เคยคิดไหมว่ากว่าเราจะจบการศึกษา หรือกำลังเรียนไปด้วยความเพลินในการใช้ตังค์ พ่อแม่เหนื่อยขนาดไหน
        เหงื่อไคลไหลรินลงโลมดินแทบสิ้นใจ  ก้มหน้าหาเงินไปเพื่อให้ใครได้อยู่กิน
อดนอนทนร้อนหนาวอดหวานคาวอดข้าวกิน   แม่อดจนหมดสิ้นให้ลูกกินหมดสิ้นเอย ฯ
ลูกบางคนทำหน้าที่เป็นลาก ลากพ่อแม่ไปโรงเรียนไปเรียน ไปให้พบ ผอ.ได้ประจานความชั่วของลูก บางทีในชีวิตแม่ไม่เคยเห็นโรงพักถึงกับลากแม่ไปโรงพัก เงินทองที่แม่เก็บไว้ให้ค่าเทอม ต้องเปลี่ยนมาเป็นค่าไถ่ให้ลูก บางทีเงินไม่พอต้องเอาไร่ เอานา เอาวัวเอาควาย ไปแลกตังค์มา สุดท้ายก็เป็นลูกลาก  ลูกแลก
 น้ำตาแม่แทนที่จะไหลยินดีเมื่อลูกจบการศึกษา แต่ต้องมาไหลยินร้ายในเมื่อลูกติดคุกติดตะราง ลูกไปอยู่ในคุกไม่ได้ไปอยู่คนเดียว แต่เอาหัวใจพ่อเอาหัวใจแม่ไปด้วย
                ลูกคนใดกระทำกรรมแก่พ่อแม่       สุดเลวแท้ชั่วช้าสิ้นราศรี
        ลุกด่าแม่ตีพ่อลุกกาลี                 ลูกอัปรีย์ทำแม่ช้ำน้ำตาริน
        น้ำตาแม่ไหลรินเมื่อลูกร้าย           น้ำตาแม่เป็นสายเมื่อลูกหมิ่น
        น้ำตาแม่หลั่งลงรดแผ่นดิน            แม่ยอมสิ้นสละแม้จะตาย
บางคนแม่ไม่ให้ไปเที่ยว ขอแม่ไปเที่ยวไม่ได้ก็เดินกระทืบเท้าใส่ผ่านหน้าแม่ไปแล้วปิดประตูเสียงดังประชด บางคนถึงกับด่าว่าร้าย บางครั้งแม่ต้องหันหน้าเข้าฝ่าผนังนั่งร้องให้น้ำตาไหลไม่ให้ลูกเห็น
หลายคนไม่เชื่อฟังคำพ่อคำแม่ห้าม แม่ห้ามไปเที่ยวก็ไม่เชื่อฟังคำ นั่งซ้อนท้ายมอเตอร์ไชค์เพื่อนไป แม่ดุแม่ด่า สาบแช่งต่าง ๆ นานา ขอให้รถล้มมั่ง ขอให้บาดเจ็บมั่ง ในขณะที่แม่ด่าอยู่นั้น ยังไม่พ้นสายตามอเตอร์ไซค์ที่ลูกนั่งอยู่ก็ล้มกลางทาง ทันใดนั่นเองแม่เปลี่ยนจากคำด่ามาเป็นความห่วงใย เจ็บตรงไหนลูก ปวดตรงไหนลูก จากน้ำลายกลายมาเป็นน้ำตา ภาวนาให้สิงศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองให้ลูกพ้นผองภัย คำที่แม่พูดออกไป พูดไปเพราะความโกรธชั่ววูบ แต่จิตใจแม่หาเป็นเช่นนั้นไม่
                เสียงของแม่ไพเราะเสนาะแน่
                เสียงของแม่ไพเราเสนาะยิ่ง
                เสียงแม่ใส่ไพเราะเสนาะจริง
                เสียงแม่ยิ่งไพเราะเสนาะนาน
หลายครั้งที่แม่ด่าจนลูกโกรธ ลูกงอนจนไม่ทานข้าว แม่ก็เป็นห่วงเหลืออาหารไว้ให้บางครั้งแม่ต้องง้อลูก มาทานข้าวซะลูกเดียวหิว แม่ทำได้ทุกอย่างเพื่อลูก แม่จะอิ่มก็เหมือนไม่อิ่ม
แม่ไม่เคยหิวถ้าลูกยังไม่อิ่ม  แม่ไม่เคยง่วงถ้าลูกยังไม่หลับ
แม่ไม่เคยหนาวถ้าลูกยังไม่อุ่น        และแม่ไม่เคยร้อนถ้าลูกยังไม่เย็น
บางครั้งลูกแอบหนีไปเที่ยว แม่จะนอนคอยจนกว่าลูกจะกลับมาโดยความปลอดภัย แม่ไม่เคยหลับ แม่จะตื่นอยู่เสมอเหมือนลูก
แต่ลูกเล่า ทำให้แม่โกรธแล้วเคยขอโทษบ้างไหม บางคนทำให้แม่โกรธได้มีความซะใจ พอใจกับการกระทำอันเลวทรามของตัวเอง ขอให้ลูกทุกคนคิดใหม่เสียเถิดว่า พ่อแม่มีจิตใจเหมือนเรา มีความรู้สึกนึกคิดเหมือนเรา แต่ไม่เป็นไรแม่อภัยลูกเสมอ
นึกถึงตอนเด็ก เราเห็นแม่ถือปิ่นโตจะไปวัด ลูกก็ถามแม่ทุกวัน แม่จะไปไหน แม่ตอบเราอย่างไม่เบื่อ แม่จะไปวัดจ๊ะลูก แต่เมื่อเราโตมา แม่แก่ ๆ ถามลูกเวลาที่เห็นลูกแต่งตัวดี ๆ ใส่เสื้อผ้าดี ๆ กำลังจะออกไปข้างนอก บางคนถึงตะคอกใส่แม่ ถามได้ทุกวัน บอกแล้วไงจะไปเที่ยว ลองนึกถึงไหมตอนเด็กแม่ตอบคำถามเดิม ๆ ของลูกทุกวันโดยไม่รำคาญ แต่เมื่อแม่ย้อนถามตอนแก่ลูกกลับเห็นว่าพ่อแม่จู้จี้จุกจิก บางคนถึงกับพูดด้วยวาจาที่หยาบคาย ยุ่งอะไรด้วย เรื่องของฉัน..
บางครั้ง แม่อาจจะจู้จี้ขี้บ่นจนน่ารำคาญ หรือบางที เมื่อรู้ว่าลูกกำลังจะก้าวผิด อารมณ์ตกใจและหวาดกลัวภัยสารพัดที่จะเกิดกับลูก ทำให้แม่ขาดสติ พูดจารุนแรง  จนเสียดแทงหัวใจน้อย ๆ ของลูก ยกโทษให้แม่เถอะ แม้ว่าลูกจะโตแล้ว แต่ในความรู้สึกของแม่ลูกยังเป็นลูกเล็ก  ๆ ของแม่เสมอ ความรู้สึกในครั้งนั้น ไม่แตกต่างไปจากวันนี้  แม่ยังรัก ยังห่วงหวงผูกพันในตัวลูกไม่เสื่อมคลาย ( เปิดเพลงลูกแม่ :กว่าจะคลอด กว่าจะคลานฯลฯ)
แม้ว่าความรักที่ลูกมีให้แม่นั้น  มันแสนจะจืดจางเหินห่างขึ้นทุกวัน ทุกวัน แม่จะพยายามทำใจ เวลาที่ลูกไม่มีเวลาจะคิดถึงแม่ ไม่รักแม่ แม่เข้าใจดี ลูกก็ต้องมีเพื่อน ๆ มีคนรักที่ลูกรัก เขามีหน้าที่มีกิจกรรมต่าง ๆ มากมาย มีความรับผิดชอบในสังคมของลูก  ลูกวุ่นอยู่แต่กับสิ่งใหม่ ๆ ที่ลูกสนใจ จนบางครั้งแม่รู้สึกว่า แม่เป็นเพียงเศษเหล็กผุ ๆ เก่า ๆ ที่ถูกโยนทิ้งลงไปในคูข้างทาง เมื่อถึงวันสำคัญต่าง ๆ เช่น วันเกิด ลูกก็สนใจในหมู่เพื่อน จนลืมแม่ผู้บังเกิดกล้า แทนที่จะถามแม่ว่าแม่ต้องการอะไร แม่อยากกินอะไร แต่ลูกกลับไปสนใจแต่เพื่อน เพื่อนต้องการกินอะไร อยากดูอะไร ก็หาให้เพื่อน จนลืมว่า
                             งานวันเกิดยิ่งใหญ่ใครคนนั้น               ฉลองกันในกลุ่มผู้ลุ่มหลง
                   หลงลาภยศสรรเสริญเพลินทะนง                    วันเกิดส่งชีพสั้นเร่งวันตาย
                   ณ มุมหนึ่งซึ่งเหงาน่าเศร้าแท้                          หญิงแก่ ๆ นั่งหงอยคอยจนสาย
                   โอ้วันนั้นในวันนี้อันตราย                              แม่คลอดสายโลหิตแทบปลิดชนม์
                   วันเกิดลูกเกือบคล้ายวันตายแม่                      เจ็บท้องแท้เท่าไหร่ไม่เคยบ่น
                   กว่าอุ้มท้องกว่าคลอดรอดเป็นคน                    เติบโตจนบัดนี้นี่เพราะใคร
                   แม่เจ็บเจียนขาดใจในวันนั้น                           กลับเป็นวันลูกฉลองกันผ่องใส
                   ได้ชีวิตแล้วก็เหลิงระเลิงใจ                           ลืมผู้ให้ชีวิตอนิจจา
                   ไฉนเราจึงเรียกกันว่าวันเกิด                          วันผู้ให้กำเนิดจะถูกกว่า
                   คำอวยพระที่เขียนควรเปลี่ยนมา                     ให้มารดาเป็นสุขจึงถูกแด
                   เลิกจัดงานวันเกิดกันเถิดนะ                          ควรที่จะคุกเข่ากราบเท้าแม่
รำลึกถึงพระคุณอบอุ่นแด                    อย่ามัวแต่จัดงานประจานตน ฯ
วันขึ้นปีใหม่ หรือวันสำคัญอะไร ๆ หัวใจของลูกก็มีใครต่อใครมากมาย จนแน่นไปหมด จนไม่มีช่องว่างเล็กๆ สักนิด สำหรับแม่เลย ลูกมักมีคำหวานไพเราะเสนาะหูกำนันแต่คนอื่น ๆ เสมอ แต่กับแม่ซึ่งรักและจริงใจกับลูกยิ่งกว่าใคร ถ้าแม่ทำให้ลูกไม่พอใจแม้เพียงเล็กน้อย ลูกก็บึ้งตึงหรือตวาดเอา ตะคอกใส่ ราวกับแม่เป็นอีนางมารร้าย  เป็นกองขยะที่โสโครก น่าสะอิดสะเอียน ลูกเคยรู้บ้างไหมว่า แม่เจ็บปวดขื่นข่มรวดร้าวเพียงใด บางครั้งนึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมา แม่ต้องนอนร้องให้ ทุกข์ที่แผดเผาในหัวอก ลูกทำให้แม่เจ็บ ๆ ๆ ๆเจ็บที่สุด ในชีวิต แต่ก็ช่างเถอะ แม่ให้อภัยลูกได้เสมอ ขอเพียงลูกจำไว้อย่างเดียวว่า ในหัวใจของแม่มีแต่ลูกเท่านั้นจ๊ะ
                             วันใดที่ว้าเหว่และเงียบเหงา       ขอเจ้ากลับคืนมาเถิดหนา
                             แม่คอยรับซับน้ำตา                 เยียวยารักษาแผลใจ
                             หญิงแก่ๆคนนี้ยังคอยอยู่          เอ็นดูลูกเสมอเจ้ารู้ไหม
        ไม่เคยคิดมุ่งร้ายหมายพิษภัย        มีแต่ให้กับให้ด้วยใจจริง
        ลูกทุกคนได้รับไออุ่นจากพ่อแม่ ได้รับความเมตตา เอื้ออาทรยามร้อนหนาว ลูกบางคนไม่เคยแม้แต่จะซื้อเสื้อผ้ากันหนาวให้แม่ ยามแม่ป่วยนอนสั่นหนาวเพราะพิษไข้ก็ไม่เคยห่มผ้าให้ไม่เคยเอาใจใส่ดูแล ( เปิดเพลงอิ่มอุ่น หยุดประมาณ 2 นาที แล้วต่อด้วยดนตรีเที่ยงวัน)
        กิจการงานที่แม้ทำค้างคาอยู่ก็ไม่เคยสนใจ หมกมุ่นอยู่แต่กับทีวี กับเกมส์ กับเพื่อน กับของเล่นที่ไม่เป็นประโยชน์ ไร้สาระ ความหวังพ่อแม่
                        ยามมีกิจหวังเจ้าเฝ้ารับใช้   ยามป่วยไข้หวังเจ้าเฝ้ารักษา
                เมื่อถึงคราววันตายวายชีวา   หวังลูกยาปิดตาคราสิ้นใจ ฯ

          ลูกติดคุก ก็เหมือนแม่ติดคุก ลูกติดคุกคนเดียวไม่พอ เอาหัวใจดวงน้อย ๆ ของแม่เข้าคุกไปด้วย
          นี่หรือคือลูกบังเกิดกล้า ผู้เป็นหน่อเนื้อแห่งตระกูล หยุดเถิดนะลูก ๆ พุทธบุตรที่รัก
          หันกลับมาถนอมน้ำใจแม่กันเถิด
                                      รักใดเล่ารักแน่เท่าแม่รัก
                             ผูกสมัครรักมั่นไม่หวั่นไหว
                             ห่วงใดเล่าห่วงเท่าดังดวงใจ
                             ที่แม่ให้กับลูกอยู่ทุกคราว
                                      ยามลูกขื่นแม่ขนตรมหลายเท่า
                             ยามลูกเศร้าแม่โศกวิโยคกว่า
                             ยามลูกหายแม่ห่วงดั่งดวงตา
                             ยามลูกมาแม่หมดลดห่วงใย
          ลูกบางคนไม่เคยช่วยงานพ่อแม่ หลังเลิกเรียนพ่อแม่บอกให้มาช่วยงาน กับพูดปฏิเสธแบบเสียงแข็ง ๆ ขึ้นเสียงกับพ่อแม่ 
“อย่าพึ่งได้ไหม อยู่โรงเรียนก็เหนื่อยพอทนอยู่แล้วกลับมาบ้านยังจะให้เหนื่อยอีกเหรอ ปวดหัว พักผ่อนก่อน ดูทีวีก่อน”
ดูซินี้คือคำพูดของลูกบางคน

( เปิดธรณีกรรแสง )
ขอให้นักศึกษามองมาทางนี้แล้วสังเกตให้ดี เทียนไขบริสุทธที่พระอาจารย์ตั้งไว้นี้กับไม้ขีดไฟที่พระอาจารย์ถืออยู่นี้ สิ่งสองอย่างนี้รู้จักกันไหม ทุกคนคงจะตอบในใจเป็นเสียงเดียวกันว่า ไม่ และก้านไม้ขีดที่พระอาจารย์ถือยู่นี้ กับกลักไม้ขีดที่พระอาจารย์ถืออยู่นี้ มันเคยถามกันบ้างไหมว่า เธอมาจากป่าไหน จากโรงงานอะไร
ทั้งสองสิ่งนี้ไม่รู้จักกันเลย แต่พอเราเอามาสัมผัสกันเข้า ก็เกิดประกายไฟและติดเป็นไฟขึ้น ดังตัวอย่างที่พระอาจารย์กำลังถืออยู่นี้ ทุกคนเห็นไหม คำถามที่พระอาจารย์จะถามคือ กลักไม้ขีดกับก้านไม้ขีดรู้ไหมว่า เมื่อทั้งสองสัมผัสกันแล้ว จะเกิดไฟขึ้น ไฟมาจากไหน
ชีวิตของแม่เราก็เช่นเดียวกัน แม้ไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าดวงวิญญาณที่จะมาถือปฏิสนธิในครรภ์ของท่านนั้น มาจากสวรรค์ชั้นไหน หรือมาจากนรกขุมใด แต่ทันทีที่รู้ว่าแม้กำลังตั้งท้อง แม้จะดีใจยินดีอนุญาติให้ลูกมาถือปฏิสนธิทันที ไม่มีความรังเกียจเดียดแต่ประการใด  แม่ไม่ทราบมาก่อนเลยว่าลูกที่อยู่ในท้องนั้นจะเป็นหญิงหรือชายจะมีร่างการยสมบูรณ์หรือพิกลพิการแต่เมื่อลูกคลอดจากครรภลืมตาดูโลกแม่ทุกคนจะให้ความรักเสมอกันนี้แสดงว่าแม่ของเรามีความรักอันบริสุทธิต่อเราตั้งแต่ก่อนจะเห็นหน้าลูกด้วยซ้ำไป
ในขณะที่ลูก ๆ กำลังเรียนหนังสือยู่นี้ ในขณะที่คุณครูกำลังสอนหนังสือยู่นี้ และในขณะที่พระอาจารย์กำลังพูดอยู่นี้ ชีวิตของนักเรียนกำลังเจริญขึ้น ชีวิตของคุณครูกำลังรุ่งเรืองขึ้น ชีวิตของพระอาจารย์กังรุ่งโรจน์ขึ้น ชีวิตของนักเรียนก็กำลังก้าวหน้าไปเรื่อย ๆ
แต่เมื่อเรามองย้อนหลังนั้นเล่า
แม่……ผู้ให้ทุกสิ่งทุกอย่างแก่ลูกมา
แม่ ……ผู้พลีเลือดของท่านกลั่นออกมาเป็นน้ำนมให้ลูกดื่มกิน
แม่…….ผู้พลีเนื้อทุกส่วนมาให้ร่างกายของลูกสุขสมบูรณ์
แม่ …….ผู้ให้ทุกสิ่งทุกอย่างแก่ลูกมา
ท่านเหลืออะไร ผลสุดท้าย  ชีวิตของแม่ก็สั้นลง ๆ สั้นลงทุกวันทุกเวลาเหมือนกับเทียนไขที่ถูกไฟไหม้ ซึ่งนับนาทีมีแต่จะเหลือน้อยลง ๆ ชีวิตของแม่ช่วยส่องสว่างให้ลูก ๆ มีชีวิตที่สดใสแต่ตัวเองกลับมีอายุสั้น ลง ๆ ในที่สุดความตามซึ่งไม่เคยปราณีใคร ก็จะมาพรากแม่จากลูกไปอย่างไม่มีวันกลับ มาให้เห็นอีก อนิจจา ชีวิตของแม่ ไม่มีอันใดจะมาแลกเปลี่ยนคืนมาอีกได้เลย
สิ่งสุดท้ายที่ไฟจะดับ เทียนเหลืออะไรไว้ดู เห็นจะมีก็แต่เพียงไส้ดำ ๆ เท่านั้น ชีวิตแม่ช่างไม่ต่างอะไรกับเทียนเล่มนี้เลย ในวาระสุดท้ายของชีวิตแม่เรา ก็จะเหลือแต่เพียงกองกระดูกที่เป็นเถ้าถ่าน ให้ลูกน้อยถือโกษขึ้นไปรับที่เชิงตะกอนเท่านั้นนี่คือสิ่งที่เหลือไว้ให้ลูกได้ดูต่างหน้า
ชีวิตขาดแม่นั้นโบราณว่าเหมือนแพแตก ต่างคนก็ต่างไป จะหาความสุขที่ไหนจะเหมือนอ้อมอกของแม่ไม่มีอีกแล้วในโลก แต่ก็มีลูกบางคนโง่นัก เติบโตมามีแต่สร้างความชั่วล้างผลาญ พูดจากับแม่ด้วยคำหยาบคาย ดื้อรั้น ลูกอย่างนี้ เขาเรียกว่า ลูกชั่ว ความทุกข์ของแม่นั้น ท่านว่ามี ๓ อย่าง คือ
ทุกข์เพราะไม่มีลูก
ทุกข์เพราะลูกตาย
ทุกข์เพราะลูกชั่ว
ใน ๓ อย่างนี้อันสุดท้ายทุกข์มากที่สุดในชีวิต เวลาแม่ยังมีชีวิตอยู่ไม่เคยเลยที่จะทำความดีให้แม่ชื่นใจ ไม่เคยเลยที่จะพูดคำเพราะ ๆ กับแม่ ไม่มีเลยที่จะซื้อของดี ๆ ไปให้แม่ทาน เวลาสุขสบายก็ลืมแม่ผู้ให้กำเนิดจนหมดสิ้น แต่พอถึงเวลาแม่ตายลง นำศพแม่มาไว้ที่วัดนิมนต์พระมาสวด ๕ วัน ๗ วัน ก่อนที่พระจะสวดก็ไปเคาะโลงแล้วพูดว่า แม่ฟังพระสวดนะแม่ เวลาเอาข้าวไห้ก็มีเพียงข้าวต้มถ้วยเดียว น้ำเปล้าครึ่งแก้ว ผลไม้ดี ๒-๓ ลูกใส่ถาดไปเล็ก ๆ ไปวางไว้ข้างหน้าโลงศพแม่ หันไปเคาะโลงศพพร้อมกับพูดว่า แม่ลุกขึ้นมากินข้าวเถิดนะแม่ แม่ลุกขึ้นมาดื่มน้ำเย็น ๆ เถอะนะ พระสวดแล้ว ฟังพระสวดนะแม่
ดวงใจแม่              สะอาดแท้             กว่าทุกสิ่ง
ดวงใจแม่              สะอาดยิ่ง              กว่าสิ่งไหน
ดวงใจแม่              สะอาด                เหนือสิ่งใด
ดวงใจแม่              มีไว้เพื่อ               ลูกเอย
                  
                   แม้ว่าลูกจะอยู่ที่ไหน ดวงใจของแม่ เผ้าติดตามด้วยความรักและห่วงหา แม่หวังว่าเมื่อเราพบกัน สายสัมพันธ์ของเราแม่ลูกคงจะแน่นแฟ้นอบอุ่นเช่นเคย……
                   เรามีเวลาที่จะอยู่ร่วมกันน้อยเต็มทีแล้วนะจ๊ะลูก จงทำเวลาของเราที่เหลืออยู่ให้ดีที่สุดเถิดลูกจะได้ไม่เสียใจภายหลังเมื่อแม่ตายจากลูกไป จะเป็นวันใดก็ไม่รู้ วันนี้ อาจจะเป็นวันสุดท้ายก็ได้ ไม่มีอะไรแน่หรอก  แต่จงจำไว้
                             รักอื่นหมื่นแสนไม่แม้นรัก          เป็นรักแท้มอบให้ลูกชายหญิง
                             พร้อมปลิดชีพพลีร่างไม่ประวิง    เจ้าคือสิ่งสูงค้าแก้วตาเอย
แม่รักลูกสุดหัวใจ  จากแม่……..
ก่อนจบการบรรยายในวันนี้พระอาจารย์มีกลอนบทหนึ่งให้เรานำไปคิด

พ่อแม่ก็แก่เฒ่า         จำจากเจ้าไม่อยู่นาน

จะพบจะพ้องพาน        เพียงเสี้ยววานของคืนวัน

                        ใจจริงไม่อยากจาก                      เพราะยังอยากเห็นลูกหลาน
            แต่ชีพมิทนทาน                          ย่อมร้าวรานสลายไป
            ขอเถิดถ้าสงสาร                         อย่างกล่าวขานให้ช้ำใจ
            คนแก่ชะแรวัย                          คิดเผลอไผเป็นแน่นอน
            ไม่รักก็ไม่ว่า                             เพียงเมตตาช่วยอาทร
            ให้กินและให้นอน                        คลายทุกผ่อนพอสุขใจ
            เมื่อยามเจ้าโกรธขึง                      ให้นึกถึงเมื่อเยาวัย
            เมื่อยามเจ้าป่วยไข้                       ได้ใครเล่าเฝ้าปลอบโยน
            เฝ้าเลี้ยงจนโตใหญ่                      แม้เหนื่อยกายก็ยอมทน
            หวังเพียงจะได้ยล                       เติบโตจนสง่างาม
            ขอโทษถ้าทำผิด                         ขอให้คิดทุก ยาม
            ใจแท้มีแต่ความ                         หวังติดตามช่วยอวยชัย
            ต้นไม้ที่ใกล้ฝั่ง                          มีหรือหวังอยู่นานได้
            วันหนึ่งคงล้มไป                         ทิ้งฝั่งไว้ ให้วังเวง
ขอให้พวกเราลืมตาขึ้นพระอาจารย์มีเพลงมอบให้ ร้องได้ก็ร้อง ร้องไม่ได้ก็ตั้งใจฟัง (บรรยายประกอบเพลไปเรื่อยๆ)
( เปิดเพลงแม่ ของโลโซ )
( ส ฉัตรชัย คิกคิว)
-จบ-